ปลูก ต้นอะโวคาโด ง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ปลูกอย่างไรให้ได้ผลดี

0
1068
ต้นอะโวคาโด

ปลูก ต้นอะโวคาโด ง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ปลูกอย่างไรให้ได้ผลดี เมื่อคนไทยหันมารับประทานอะโวคาโดกันมากขึ้น หากจะหาซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือตามตลาดผลไม้ก็มีราคาที่แพงเกินกว่าเหตุและได้ปริมาณที่น้อย การปลูฏต้นอะโวคาโดเองจึงช่วยแก้ปัญหาได้สำหรับใครที่เป็นคนรักอะโวคาโด ซึ่งการปลูกต้นอะโวคาโดนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร สามารถทำเองได้ที่บ้านด้วยวิธีการปลูฏจากเมล็ด หรือลงดินหรือในน้ำก็สามารถทำได้ง่ายนิดเดีย ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย

รู้จักกับ อะโวคาโด

เป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย เป็นต้นไม้พื้นเมืองของรัฐปวยบลาในประเทศเม็กซิโก จัดเป็นพืชดอกในวงศ์ Lauraceae ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกับอบเชย, กระวาน และเบย์ลอเรล (bay laurel) ผลของอาโวคาโดมีรูปทรงคล้ายสาลี่ รูปไข่ หรือรูปกลม มิชชันนารีชาวอเมริกันนำมาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกที่จังหวัดน่า ต่อจากนั้นจึงมีหน่วยงานต่าง ๆ นำอาโวคาโดมาปลูกมากขึ้น 

อาโวคาโดเป็นไม้ยืนต้น ต้นโตเต็มที่สูงถึง 18 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ ใบสีเขียวสด ดอกขนาดเล็ก สีเขียวอมเหลือง ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งผลกลมรีหรือทรงลูกแพร์ มีทั้งพันธุ์เปลือกหนาและเปลือกบาง เนื้อสีเขียวออกเหลือง รสมัน เนื้อละเอียด ไม่มีกลิ่น มีเมล็ดเดียว มีรกหุ้มเมล็ด

ต้นอะโวคาโด

พันธุ์อะโวคาโด ในประเทศไทย

พันธุ์แฮสส์ (Hass) สายพันธุ์ที่มีรสชาติดีที่สุด เนื้อสัมผัสหนึบ มีไขมันดี ตัวลำต้นมีต้นที่ตั้งตรง ทรงพุ่มมีความสม่ำเสมอ ปลายใบแหลม รูปร่างเป็นรูปไข่กลับ มีผิวที่ขรุขระ ผลที่ยังอ่อนอยู๋จะมีสีเขียวอ่อนสวยงาม เมื่อแก่แล้วจะมีสีเขียวเข้ม หากเป้นผลที่มีสีดำออกม่วงจะเป็นผลที่สุก สามารถรับประททานได้เลย พันธุ์แฮสส์ (Hass) ยังถือว่าเป็นพันธุ์อะโวคาโดสำหรับการค้าอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย

พันธุ์บูช 7 (Booth-7)

อะโวคาโดพันธุ์บูช 7 มีผลที่ค่อนข้างกลม ผิวของผลมีความขรุขระ เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน ผิวนวลสวย เมล็ดขนาดกลาง รสชาติดี เนื้อแน่น เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลัมและเวสอินเดียน ช่วงเก็บเกี่ยวผลประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม

พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson)

พันธุ์ปีเตอร์สัน มีลักษณะผลที่ค่อนข้างกลม ขนาดเล็ดถึงขนาดกลาง เนื้อผลมีสีเหลืองอมเขียว รสชาติดี เนื้อแน่น  เป็นพันธุ์เบาเก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม และเป็นเผ่าเวสอินเดียน

พันธุ์เฟอร์เออเต่ Fuerte

พันธุ์ที่มีรสชาติดี ลักษณะของผลคล้านรูปแพร์ เปลือสีเขียวเข้ม ผิวจรุขระเล็กน้อย เนื้อของผลมีสีเหลืองอ่อนหรือสีครีม ผวนวลสวย ผลมีน้ำหนักประมาณ 150-300 กรัม ฤดูเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงของเดือนตุลาคม-ธันวาคม

พันธุ์คคาเนีย (Buccaneer) 

ลักษณะของอะดวคาดดพันธุ์นี้ค่อนข้างกลมรี มีขนาดกลาง ผิวของผลขรุขระ และเปลือสีเขียว เปลือกมีความหนา เนื้อของอะโวคาดดมีสีเหลืองอ่อน รสชาติดี มีไขมัน 7-14 เปอร์เซ็นต์ เก็บเกี่ยวผลได้เร็วปานกลาง ประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พันธุ์บัคคาเนีย (Buccaneer) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลันและเวสอินเดียน

การปลูก ต้นอะโวคาโด

การปลูกกอะโวคาดดให้ได้ผลดีนั้นมีหลาดหลายรูปแบบที่สามารถทำได้ ซึ่งแต่รูปแบบนั้นก็จะมีลักษณะวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่รับรองว่าได้ผลลัพธ์ดีอย่างแน่นอน เราจึงได้นำเอาการปลูฏอะโวคาโดมาให้ทุกคนได้ศึกษาถึง 3 วิธี ได้แก่

การปลูกอะโวคาโด ลงดิน

การปลูกอะโวคาโดลงดินในระยะแรกควรทุกการปลูกใต้ต้นไม้ที่มีอายุสั้น เช่นต้นมะละกอ หรือทำการปลูฏแซมในสวนผลไม้อื่น หากไม่มีต้นไม่จำพวกนี้สามารถนำวัสดุที่พรางแสงได้ และทำการรดน้ำเพียง 2 วันต่อครั้ง พื้นที่ปลูกต้องเป็นที่โล่ง แดดดี ไม่อยู่ใต้ร่มไม้ หรือเป็นที่ต่ำน้ำท่วมขัง หากเป็นพื้นที่ราบควรปลูกแบบยกแปลง ควรเตรียมหลุมปลูกขนาด 80x80x80 เซนติเมตร (กว้างxยาวxลึก) 

สำหรับพื้นที่เป็นเนินหรือบนดอยพื้นที่สูง เมื่อเตรียมหลุมปลูกแล้ว ให้เตรียมวัสดุปลูกตามอัตราส่วนเพื่อเป็นคลังอาหารของต้นอะโวคาโด พูนวัสดุผสมให้มีความสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตรจากระดับพื้นดิน บนหลุมปลูกที่เตรียมไว้ เตรียมวัสดุผสมโดยใช้ดินผสมปุ๋ยคอกและวัสดุอื่นๆ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ แกลบดำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน

หากดินมีสภาพเป็นกรด ควรใส่โดโลไมท์ผสมเข้าไปด้วย ช่วงปลูกอะโวคาโดนั้นโคนต้นจะต้องอยุ่ระดับดิน ไม่ลึกมากจนดินฝังดคนต้นหรือรากของต้นกล้า โดยรอยต่อระหว่างต้นตอและต้นพันธุ์จะต้องอยุ่เหนือระดับดิน

นอกจากนี้นั้นวัชพืช ต้นหญ้าโดยรอบที่ทำการปลูฏมักโดตเร็วและขึ้นปกคลุมต้นอะโวคาโดทำให้ต้นเกิดการโตช้าหรือตายได้ จะต้องทำการหมั่นกำจัดวัชพืช ต้นหญ้าต่างออกเสมอ 

การปลูกอะโวคาโดในกระถางน้ำ

การปลูกอะโวคาโดในกระถางน้ำถือว่าง่ายแสนง่าย โดยนำแกะเอาเมล็ดของอะโวคาดดออกมาล้างให้ไม่มีเนื้อติด นำเอาไม้จิ้มฟันมาเสียบรอบ ๆ เมล็ดอะโวคาโดลึกพอประมาณ ซึ่งไม้นี้จะช่วยค้ำในการหย่อนเมล็ดลงไปในน้ำ หลังจากนั้นจึงนำเอาส่วนล่างของอะโวคาโดใส่ลงในกระถางที่มีน้ำ จะทำให้รากงอกออกมาจากส่วนนี้ หลังจากนั้นให้รอจนกว่าเมล็ดจะงอกออกมา ใช้เวลาประมาณ 2-8 สัปดาห์ เมื่อเมล็ดได้แตกงอกเป็นต้นสูงประมาณ 6 นิ้วแล้วนั้นก็สามารถนนำไปปลูกลงดินได้ โดยกลบดินให้ส่วนของรากอยู่ใต้ดิน แต่ส่วนของลำต้นโผล่พ้นขึ้นมาเหนือดิน พร้อมนำไปตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด ๆ ส่องถึง

ประโยชน์ของ อะโวคาโด

1.ช่วยในการลดน้ำหนัก เนื่องจากอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง แต่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในปริมาณต่ำ

2.ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะอะโวคาดดมีไขมันดี หากได้รับประทานอะโวคาโดอย่างเป็นประจำก็จะช่วยลดไขมันที่ไม่ดี  และคอเลสเตอรอลในเลือด สาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และหัวใจตีบ ทำให้เกิดการกระตุ้นให้หัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.มีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถชะลอความชราภาพ และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

บทสรุป 

จบไปกันที่เรียบร้อยกับ ปลูก ต้นอะโวคาโด ง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ปลูกอย่างไรให้ได้ผลดี ที่เราเอาเทคนิคดี ๆ มาฝาก บอกเลยว่าวิธีที่เรานำมาฝากนั้นง่ายแสนง่ายเชื่อว่าใคร ๆ ก็ทำได้ เนื่องจากมีวิธีที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะกับคนรักอะโวคาโดที่อยากปลูกไว้รับประทานเอง นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย สำหรับใครที่อยากอ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมสามารถ  Click

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here